เทศน์เช้า

ความสามัคคีเปิด

๒๙ เม.ย. ๒๕๔๒

ความสามัคคีเปิด
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๒
ณ วันสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจ เพราะว่าพอเขาพูดเรื่องธรรมะนี่เราก็ยอมรับว่าเป็นธรรมะ ความสามัคคีนี่ถูกต้องเลยคือสิ่งที่ดี พระพุทธเจ้าก็สอนให้สามัคคีนะ ขนาดในหลวงยังสอนเลยให้รู้รักสามัคคี แต่ความสามัคคีนั้นเห็นไหม มันเป็นรากฐาน พระพุทธเจ้าสอนเรื่องทาน เรื่องศีล แล้วก็เรื่องของการภาวนา ทาน ศีล ภาวนา มีศีลถึงมีภาวนา พระพุทธเจ้าสอนเรื่องสวรรค์ เรื่องพรหมโลก แล้วก็เรื่องนิพพาน คือว่าสิ้นสุดออกไปจากสวรรค์ จากพรหมโลก

ขนาดว่าพระสารีบุตรไปเทศน์สอนอนาถะ แล้วไปบอกพระพุทธเจ้าว่าเทศน์เรื่องขันธ์ ๕ นี่ การละขันธ์ ๕ นี่ พระพุทธเจ้าตำหนิพระสารีบุตรเลยว่าสอนเรื่องต่ำๆ ไง สอนเรื่องยังติดอยู่ ขนาดละขันธ์ ๕ นี่เป็นอนาคามีไปแล้วนะ พระพุทธเจ้ายังบอกว่าสอนแต่เรื่องต่ำทราม ไม่สอนให้หลุดพ้นไปเลย อยู่ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าติพระสารีบุตรตอนไปเทศน์สอนอนาถะ อนาถะร้องไห้ไง ไปเทศน์สอนอนาถะๆ ร้องไห้เลย ขอพร “ต่อไปนี้ธรรมะแบบนี้ขอให้เทศน์ให้โยมฟังบ้าง เพราะโยมบางคนน่ะเขาก็มีหูมีตาเพื่อที่เขาจะละไปได้ ทำไมเทศน์อย่างนี้เกล้ากระผมไม่เคยได้ยินเลย”

พระสารีบุตรตอบว่า “เทศน์แบบนี้จะเทศน์กันอยู่แต่ผู้ปฏิบัติ ถ้าเทศน์สอนโยมจะเทศน์แต่เรื่องพื้นๆ”

“ต่อไปนี้ขอให้เทศน์เรื่องอย่างนี้กับญาติโยมบ้างเถิด เพราะญาติโยมนี่ก็มีหูมีตาจะรู้สิ่งนี้ได้” นอนร้องไห้นะ นี่เทศน์แล้วเข้าใจ ปล่อยวาง ปล่อยขันธ์ ๕ หมด พระสารีบุตรก็เอาคำนี้ไปรายงานพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ายังติกลับมาไง สอนเรื่องต่ำทราม อยู่ในพระไตรปิฎก ทำไมไม่สอนให้หลุดพ้นไปเลย เห็นไหม นี่ในศาสนาสอนถึงนิพพานไง ทาน ศีล ภาวนา เห็นไหม

เรื่องความสามัคคีก็เหมือนกัน เราสังเกตเรื่องความสามัคคีดีมากนะ อย่างเช่นในสังคมไทยเรานี่ สังคมชาวพุทธเรานี่ ความสามัคคีเหมือนกับแขนงไผ่ ถ้าแขนงไผ่อยู่ต่างแขนงนี่มันจะหักได้ เจอใครก็สู้ไม่ได้ แต่ถ้าแขนงไผ่รวมกันแล้วยอดเยี่ยมเลย ต้นไผ่ กอไผ่ เห็นไหม ไผ่นี้สามารถใช้ประโยชน์ได้มหาศาลเลย แต่กอไผ่อยู่ในกอไผ่เป็นกอนี่มันก็ต้านลม ต้านอะไร ถ้าอยู่เดี่ยวๆ มันก็ไม่ไหว

แต่ต้นไม้แก่นไง ต้นไม้มะค่า ต้นไม้ยูง ต้นไม้พะยูงไง การทำบ้านทำเรือน อย่างพวกกระเหรี่ยง พวกชาวป่า เขาใช้ไม้ไผ่ทำบ้านทำเรือนเป็นหมู่บ้านทั้งหมดเลย ใช้สารพัดประโยชน์ มันเป็นประโยชน์พื้นๆ ของโลกไง แต่ถ้าเป็นไม้แก่นเห็นไหม ทำไมเขามีบ้านเป็นไม้ไผ่ ทำไมเขาต้องสร้างบ้านไม้สัก ต้องมะค่าสวยๆ เห็นไหม สิ่งนั้นมันเป็นว่าถ้าจะเป็นไม้ไผ่อยู่ตลอดกับไม้มะค่านี้มันก็ต่างกัน ไม่ไผ่เป็นประโยชน์มหาศาลก็จริงอยู่ แขนงไปต้องความสามัคคี

พระพุทธเจ้าสอนถึงโคนำหมู่นะ ถ้าโคนั้นฉลาดจะพาหมู่นั้นขึ้นฝั่งพ้นไป ถ้าหัวหน้าโคไม่มีปัญญาก็พาโคทั้งฝูงจมน้ำตายอยู่กลางแม่น้ำนั้น ทำไมไม่สามารถพาโคนั้นข้ามฝั่งไปได้ นี่หัวหน้าโค เห็นไหม จากหัวหน้าโค จากไม้ไผ่ การรวมของไม้ไผ่ มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด ความเป็นมรรคหยาบๆ ความสามัคคีนะ ความสามัคคีมันดีอยู่

ศีลคือการล้อมใจไว้ ไม่ให้ใจมันออกไปนอกลู่นอกทาง แต่ปัญญาที่จะมาพิจารณา อาจารย์มหาบัวสอนนะ ตอนอยู่กับท่านที่วัดบ้านตาด พระในวัดนี้ต้องสามัคคีกัน เป็นเหมือนอวัยวะๆ เดียวกันหมด เหมือนร่างกายของมนุษย์ ถ้าขาแพลงไปนี่การเดินไปก็ไม่สะดวก ถ้าปวดฟันก็กินข้าวไม่ได้ จะทำให้ร่างการนี้วิการไปหมด เหมือนกับผ้าพับไว้ในตู้ไง ผ้าพับในตู้นี่มันต้องเรียบร้อยมันถึงเก็บเข้าในตู้ได้ ถ้าผ้าเราไม่พับเห็นไหม ความสามัคคีในหมู่คณะเป็นความสามัคคี แต่ในการเร่งความเพียรไง การออกจากกิเลสไง

พระพุทธเจ้าสอนเห็นไหม ให้เหมือนกับนอแรด ไม่ให้คลุกคลีไง ไม่มีที่ไหนที่ว่าการคลุกคลี การสามัคคี การสโมสรสันนิบาต แล้วทำให้เกิดเป็นสมาธิ ทำให้เกิดปัญญา ไม่มี ต้องไปในที่สงัด ในวัดปฏิบัติ ในผู้ที่เป็นโคนำฝูงนั้นไง มรรคหยาบๆ ที่ว่าการสามัคคี สามัคคีเพื่ออะไร สามัคคีแล้วเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา สามัคคีแล้วต้องมีปัญญาด้วย มีศีลต้องมีธรรมไง ไม่ฆ่าสัตว์ ต้องเมตตาสัตว์ ต้องส่งเสริมด้วย ไม่ฆ่าสัตว์ เอ้า เอ็งก็อยู่ของเอ็ง ข้าอยู่ของข้า ไม่ฆ่าสัตว์ อู้ย มีศีลนะ มีศีล สัตว์มันก็อดตายอยู่นั่นเห็นไหม เพราะอะไร เพราะเชือกพันคอมัน มันไม่สามารถแก้ได้ แต่เราเมตตาสัตว์เห็นไหม อย่างวัวมันพันเชือก เราไปแกะออกให้มัน หาน้ำมาให้มันกิน ไม่ฆ่าสัตว์ต้องเมตตาสัตว์ด้วย

ความสามัคคีนั้นต้องมีปัญญาการนำความสามัคคีนั้นให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปด้วย เห็นไหม ไม่ใช่สามัคคีเฉพาะสามัคคีๆ แค่เรา ในสามัคคีนั้นประชาธิปไตยเห็นไหม เสียงข้างมากยกมือๆ นั่นน่ะ อ้างว่าเป็นเสียงข้างมากๆ เสียงข้างมากเป็นเสียงของผู้นำหรือว่าเสียงของผู้ที่ว่ามันทุจริตล่ะ ถ้าคนจะดีขึ้นไปนี่ก็ดึงให้ต่ำไว้ใช่ไหม

จิตใจคนต้องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ สิ ความสามัคคีนั้นเป็นความดีของโลกนี้ แต่การตายไป คนสามัคคีในหมู่คณะนี้ ๑๐๐ คน ตายพร้อมกันเหรอ ต่างคนต่างต้องตายไป ต่างคนต่างต้องเกิดมาใหม่ในสังคมนั้นไง ศีลไง ศีลเหมือนกับเส้นด้าย เส้นด้ายล้อมพวงมาลัยเห็นไหม ดอกไม้อยู่เต็มป่าไปหมดเลย แต่เข้ามาล้อมในศีลนั้นก็เป็นพวงมาลัยที่สวยงาม ความสวยงามวางไว้เป็นความสวยงาม มันเป็นสมบัติปัจจุบันนี้ เป็นสมบัติโลก พระพุทธเจ้าสอนถึงสวรรค์ สอนถึงนิพพานเห็นไหม

อาจารย์มหาบัวท่านจะลาอาจารย์หลวงปู่มั่นไปวิเวก ตอนไปลาท่านถามว่าไปกี่องค์ ไปองค์เดียว อาจารย์มหาบัวเล่าให้ฟังนะ ว่าจะไปองค์เดียว หลวงปู่มั่นช่วยทันทีเลย บอกว่าหมู่ห้ามไปนะ มหาท่านจะไปวิเวกให้ไปองค์เดียวนะ ทำไมไม่ขนไปเป็นกลุ่มๆ ล่ะ ไปองค์เดียวมันเป็นที่สงัด มันอยู่ในที่สงัด เป็นการต่อสู้ระหว่างกิเลสกับขันธ์

เราคุยกันแต่ข้างนอกไง ระหว่างกิเลสกับขันธ์ ใจนะ ระหว่างจิตกับเจตสิกออกมา ระหว่างขันธ์น่ะ ความตะลุมบอนกันอยู่ข้างในนี่ มันกำลังตะลุมบอนกันอยู่ มันจะไปเอาเรื่องอื่นเข้ามาเป็นภาระไม่ได้เลย ขณะที่ยืนอยู่คนเดียวมันต้องมีหนักและมีเบา ขณะเราเบาไงเห็นไหม อย่างที่ว่าผ้าในตู้ หรือวัตรปฏิบัติ หรือร่างกายนี่สามัคคี ถูกต้อง แต่เวลาหนักหน่วง เวลาจะเอาตัวรอด มันต้องหนึ่งเดียวไง ใจดวงนั้นกำลังต่อสู้กับกิเลสในใจของดวงนั้นไง แล้วไม่ให้อารมณ์วูบวาบ อารมณ์จากข้างนอกเข้าไปทำให้อันนั้นเสียงานไปไง ถ้ามีแต่ความสามัคคีรวมกันไว้ ดึงกันไว้ ไอ้คนเจริญขึ้นไป ดึงให้มันต่ำลงมานี่ แล้วมันจะสูงขึ้นไปได้อย่างไร

มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด ความที่เป็นหยาบๆ คือความสามัคคีนี่ สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพชอบ นี่หาเงินหาทองกันชอบ อู้ย พวกเรานี่ดีนะ มีสัมมาอาชีวะ การหากินถูกต้อง นี่ดีหมดเลย แต่หากินมา หาเงินมาแล้วทุกข์หรือสุข ก็อยู่ในความเร่าร้อนเผาอยู่ในใจ การหาอารมณ์ของใจไง จิตนี้กินอารมณ์เป็นอาหาร กินความคิด กินกิเลสที่ในหัวใจมันกินเป็นอาหาร นี่เข้าไปชำระตรงนั้น สัมมาอาชีวะภายใน สัมมาอาชีวะของใจไง ใจกินอารมณ์เป็นอาหาร ใจกินธรรมเป็นอาหาร ใจกินสมาธิธรรมเป็นอาหาร

ถ้าศีลนี่ จากความสามัคคี จากความที่เราทำคุณงามความดีมาแล้วนี่ ต้องตะล่อมเข้าไปให้เป็นหนึ่งเดียว เห็นไหม ออกจากความนั้นไปเป็นหนึ่งเดียวแล้ว จากหนึ่งเดียวนั้นน่ะเป็นสมาธิธรรมเลย สมาธิธรรมต้องเดินเข้าไปอีก เลี้ยงชีพชอบ เลี้ยงด้วยความเพียรชอบ การงานชอบ ความดำริออกจากกิเลสชอบ มันต้องอยู่ในที่อย่างนั้น ถ้าเป็นความสามัคคีอยู่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อมันต้องเป็นหนึ่ง

มรรค ๘ ยังรวมเข้าสามัคคีจนชำระกิเลสได้ แม้แต่มรรค ๘ แขนง ทางอันเอก มัคโคนั้นยังต้องให้มันสามัคคีรวมกันเป็นอันเดียว เป็นอันเดียวนี้เป็นจินตมยปัญญา เพราะเรากำลังตะล่อมขึ้นไปให้มันเป็นภาวนามยปัญญา ก่อนที่มันเป็นภาวนามยปัญญามันเป็นหนึ่งก็ไม่ใช่ มันเป็นธรรมจักร มันเป็นจักรล้วนๆ ของธรรม จักรอันนี้เข้าไปชำระกิเลส นั่นคือมรรคที่ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ ไง ถ้าเอามรรคหยาบๆ มาลบล้างมรรคละเอียดไม่ได้ ถ้าเอามรรคหยาบๆ มาลบล้างมรรคละเอียดนั้นจะไม่มีโคนำฝูง ในศาสนานี้จะไม่มีผู้นำ ในศาสนานี้จะไม่มีหลักชัย ในศาสนานี้ก็จะมีแต่ไม้ไผ่ มันไม่มีไม้แก่นขึ้นมาไง

ไม้แก่น ไม้ที่มันงอกงาม มันโตช้า ไม่ไผ่นี่แค่ปีสองปีนี่กอท่วมหัว แต่ไม้มะค่า ไม้สัก กี่ปีมันถึงจะได้ใช้งานมัน แต่กว่ามันจะเกิดขึ้นมา ต้องให้เกิดสิ พระเณรจะเกิด ต้นไม้จะเกิดในป่าจะไม่ให้เกิด จะทำลายพันธุ์ของไม้มะค่าทิ้งหมด จะทำพันธุ์ของไม้ยืนต้นทิ้งหมดให้เหลือแต่ไม้ไผ่ไว้ไง เป็นความสามัคคี เรามาสามัคคีกัน เรามาเกิดเป็นไม้ไผ่ แล้วไม้ที่เป็นประโยชน์เราจะทำลายมันทิ้งนะ เพราะมันจะเป็นไม้แก่นขึ้นไป มันจะทำให้ศาสนารุ่งเรือง นี่คิดกันอย่างนั้น ทำกันอย่างนั้น มันอ้างไง กิเลสใช้ธรรมมาเป็นเครื่องมือ

อาจารย์มหาบัวสอนนะ เวลาเราอ่านไป อ่านพลิกประโยคไปนี่ อ่านไปนี่กิเลสมันก็ตามไปตลอด นี่พออ่านว่าพระพุทธเจ้าสอนอย่างนั้นๆ แล้วก็เอาสิ่งนี้มาครอบให้พวกเรานี่แตกแขนงออกไปไม่ได้ คือทำความดีมากกว่านี้ไปไม่ได้ไง เอาคำนี้มาจำกัดความให้เราอยู่ในขอบเขตของความดีแค่นี้ไง แล้วความดีที่เจริญขึ้นไปกว่านี้ทำไม่ได้ไง พอทำขึ้นไปว่าเรานี่ไม่รักหมู่ ไม่รักคณะ เราแตกตัวออกไป

ก็แตกตัวออกไปเพื่อจะเอาตัวรอด จะอยู่ด้วยกันแล้วจมน้ำตายกันอยู่นี่หรือ ถ้าไม่แตกตัวไป ไม่เอาตัวรอด ทำไมหลวงปู่มั่นกันไม่ให้คนตามอาจารย์มหาบัวไปเลย เวลาท่านออกวิเวก มันแตกตัวไปเพื่อจะเอาตัวรอด ไปแบบเหมือนนอแรดไง พอไปชำระ ไปทำให้ตัวเองมีคุณวิเศษขึ้นมา เป็นที่พึ่งตนเองได้แล้วถึงจะมาเป็นที่พึ่งของคนอื่นไง ถ้าสามัคคีกันอยู่ในกอไผ่อยู่นั่น มันจะไปพึ่งใคร ไฟป่ามามันก็เผาตัวเองหมดเลย เผาจนราบไปหมด

นั่นคือความสามัคคี ใช่ ธรรมเป็นธรรม เราบอกว่าธรรม แขนงไผ่เห็นด้วยๆ แต่มันเป็นสิ่งหนึ่งเท่านั้นเอง มันเป็นพื้นฐาน มันเป็นความหยาบ แล้วอย่างกลางอยู่ที่ไหน อย่างละเอียดเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปอยู่ที่ไหน นี่ไงผู้ที่มีปัญญาไง เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเลย ที่ว่าเขาพูดออกมานี่ ถ้ามีปัญญาจะแก้ได้หมด แล้วไม่ไปเกาะติดในอารมณ์ต่างๆ อย่างนี้ ทำให้เรารอดพ้นไปได้

แต่ถ้าไม่มีปัญญา เขาพูดแค่นี้นะ แล้วเราก็ไปไหนไม่รอด แล้วเราก็เป็นคนขึ้นไปไม่ได้ไง เป็นแค่กอไผ่ เป็นไม้ไผ่อยู่อย่างนั้นเหรอ เป็นประโยชน์ๆ จริง ไม้ไผ่นี่เห็นไหม ชาวกระเหรี่ยงเขาปลูกบ้านกันนี่ ไม้ไผ่นี้เป็นไม้ที่สารพัดประโยชน์ ใช้ประโยชน์ได้ทุกๆ อย่าง จะปลูกบ้านปลูกเรือน จะใช้ทำเครื่องครัวเครื่องอะไรได้หมดเลย แต่มันเป็นของชั่วคราว มันไม่ใช่ไม้จริง ไม้จริงเท่านั้นถึงทำของนั้นได้คงทนถาวรกว่า

ศาสนานี้มา ๒,๕๐๐ ปีแล้ว แล้วพระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึง ๕,๐๐๐ ปีไง ศาสนานี้มันเป็นนามธรรม แต่ถ้าเข้าถึงมันลึกซึ้ง ถ้ามีมาจะรอดออกไปจากความดีอย่างนี้ ขึ้นไปสู่ความละเอียด เป็นภาวนามยปัญญาไง สุตมยปัญญาคือการเล่าเรียนมา การอ่านพระไตรปิฎกนี่คือสุตมยปัญญา การค้นคว้ามานี่คือแผนที่ จินตมยปัญญาเห็นไหม ปัญญาอบรมสมาธิเข้ามาแล้ว จินตมยปัญญาคือจิตใคร่ครวญให้เห็นตามความเป็นจริงนั้น เป็นจินตมยปัญญา

จินตมยปัญญานี้ทำให้จิตสงบเท่านั้น ภาวนามยปัญญาเพราะเอาจิตสงบนี้ยกขึ้นวิปัสสนา ยกขึ้นวิปัสสนาด้วยอริยมรรคไง เพราะจินตมยปัญญาปัญญาอบรมสมาธินี้คือปัญญาใคร่ครวญให้จิตสงบตัวเข้ามา เป็นความสุขมากเพราะมันเป็นสมาธิ เป็นจิตที่สงบตัวลง เห็นไหม จินตมยปัญญา แต่ไม่ใช่ภาวนามยปัญญาเพราะยังไม่เจอขุดคุ้ย ยังไม่ได้ชำระกิเลสใดๆ ทั้งสิ้น

ชำระกิเลสอะไร สติปัฏฐาน ๔ กาย เวทนา จิต ธรรม คือฐานที่ตั้งของกิเลส ต้องทำลายฐานของกิเลสให้กิเลสไม่มีที่อยู่อาศัยไง ต้องทำลายกาย เวทนา จิต ธรรม ทำลายอะไร? ทำลายกิเลสที่อยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรม แต่ไม่ใช่ทำลายกาย เวทนา จิต ธรรม เพราะมันทำด้วยภาวนามยปัญญา มันทำด้วยตาของธรรม ตาของธรรมทำลายด้วยนามธรรม ทำลายกายนี้ราบไปหมดเลย พอราบไปหมดกิเลสมีอยู่มันก็ต้องแสดงตัว เราก็ชำระมัน ล้างเป็นชั้นๆๆๆ เข้าไปเห็นไหม นั่นคือภาวนามยปัญญา

แต่นี้ไปเอาสุตมยปัญญามาลบไง ความจำมาว่าเป็นสามัคคีแล้วก็ดึงคนให้ก้าวเดินออกไปไม่ได้ อันนี้มันเป็นความหยาบ เอาความหยาบมาจับทั้งหมดไม่ได้ ความหยาบเป็นความหยาบ เขาว่าดีไหม? ดี ดีมหาศาลเลย เพราะคนนี้ไม่เข้ามาในศาสนา ไม่เคยรู้เรื่องอย่างนี้เลย แต่ดีในส่วนของศีลไง ดีในส่วนของภาวนาไง ดีในส่วนของภาวนามยปัญญาที่ข้ามพ้นจากกิเลสไปแบบนอแรด อันนั้นเป็นศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าสอนอย่างนั้น จิตจะสูงขึ้น นี่โคนำหมู่ถึงจะเอาหมู่พ้นออกไปจากกระแสน้ำในห้วงของวัฏฏะนี้ได้

เกิดตายๆ อยู่ ธรรมะจุดหนึ่ง ธรรมะแขนงหนึ่ง เป็นแขนงหนึ่ง อาหาร ข้าวคือข้าว กับข้าวคือกับข้าว น้ำคือน้ำ ของหวานที่เป็นของหวาน แต่รวมลงแล้วก็รวมอยู่ในกระเพาะ อิ่มเหมือนกัน อันนี้ก็เหมือนกัน จะว่าคนต้องกินน้ำอย่างเดียว คนต้องกินข้างอย่างเดียวไม่กินกับ คนกินแต่กับข้าวไม่กินข้าวเห็นไหม มัคคะอริยสัจจังไง ความเป็นไปพอดีจังหวะ มีหนักมีเบาแล้วเราจะเอาตัวรอดกันได้

ใครว่าอย่างไรให้เขาว่ากันไปเถอะ เขาพูดมาให้พูดไป เราไม่ว่ากัน เขาพูดมา ถูก ถูก ไม่ผิดหรอก แต่ถูกขนาดไหนล่ะ ถูกของใคร ถูกวุฒิภาวะของใคร ถูกในกิจของใคร ถูกในระดับไหนไง

อาจารย์มหาบัวถึงได้พูด อ้างอาจารย์ทุกคำเพราะอาจารย์สอนมา อาจารย์มหาบัวบอกว่า ในศาสนานี้เปรียบเหมือนกับห้างสรรพสินค้า มีเงิน ๑ บาทก็ซื้อรูปลอกได้ ซื้อสติกเกอร์ได้ มีเงินเป็นสิบๆ ล้าน เบนซ์คันละ ๑๕ ล้าน ๒๐ ล้านก็มีขาย จะซื้ออะไรก็ได้ในห้างสรรพสินค้านั้น เรามีเงินขนาดไหน เราไม่มีเงินเป็นสิบๆ ล้านจะเข้าไปถอยเบนซ์ออกมาหรอก เราก็มีกันแค่บาทสองบาท เข้าไปในห้างสรรพสินค้าเหมือนกัน

จะอ้างศาสนาเหมือนกันไง เราก็เข้าถึงศาสนาเหมือนกัน เราก็เข้าถึงห้างสรรพสินค้าเหมือนกัน เราเดินไปห้างสรรพสินค้าเราก็ซื้อรูปลอกมาอันหนึ่ง เราก็ซื้อมา คนเขาเดินเข้าไปเขาถอยเบนซ์มาคันหนึ่ง เขาก็ถอยรถเบนซ์ออกมา ฉะนั้นถึงอ้างไม่ได้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งเดียว ในห้างสรรพสินค้านั้นมากมาย แล้วแต่วุฒิภาวะของใจที่จะเข้าไปคว้าเอามาจากในศาสนานั้น สมบัติกลางของพระพุทธเจ้า ใครจะเข้าไปคว้าในศาสนา เป็นผู้ที่เกิดพบพุทธศาสนา ยืนอยู่บนศาสนา ไม่เหยียบแผ่นดินผิดไง แล้วให้ใจนี้เป็นไปตามความเป็นจริงด้วย นั่นคือเรื่องจริงไง นี่ในห้างสรรพสินค้านั้น ในพระไตรปิฎกนั้น ในคำสั่งสอนนั้น ในธรรมชาตินั้น

เรามีสิทธิ์ใช้ของพระพุทธเจ้าเห็นไหม ศีลบารมี ทานบารมี แล้วเนกขัมมบารมีล่ะ? เนกขัมมบารมีคือเอาวิเวกไง เอาใจออกจากเนกขัมมะ ออกจากการครองเรือนไง บารมี ๑๐ ทัศ ก็ยังมีสอนอยู่ ๑๐ ชาตินั้นน่ะ พระพุทธเจ้าเกิดมาแต่ละชาติเห็นไหม ชาตินี้ทานก็ทานหมดเลย พระเวสสันดร ชาตินี้ถือสันโดษเห็นไหม เตมีย์ใบ้ นี่บารมี ๑๐ ทัศของพระพุทธเจ้า

ตอนนี้เราก็ใช้กันในสังคมกันอย่างนั้น แต่พอเขาพูดอย่างนั้น ที่เขาพูดมาเช่นว่าต้องสามัคคีแล้วเราจะดี มันเหมือนกับจะไม่เปิดช่องทางอื่นให้ทำ นี่เราพูดนี่ ของเขาก็ถูก แต่ช่องทางอื่นที่ดีๆ ขึ้นไปมันก็ยังมีอีกมากมาย เราต้องเจริญขึ้นไป ไม่ใช่ทำดีแค่นี้แล้วก็อยู่แค่นี้ว่าฉันมีความสามัคคี ฉันทำดีแค่นี้แล้วก็เฮกันไปเฮกันมา แล้วไม่ต้องภาวนาใช่ไหม? ไม่ต้องวิเวกเหรอ บารมีเดียวมันจะเป็น ๑๐ ทัศได้อย่างไร

นี่ถึงว่าถ้าไม่ต้องทำอะไรเลย ทำ แต่ไม่ใช่ว่าเอาเฉพาะตรงนี้ แล้วเราต้องไปรวมกับเขาตรงนี้ๆ ที่เดียวไง

นี่เหตุผลอยู่ตรงนี้ที่พูดนี่ ไม่ใช่ว่าเขาผิด บอกว่าถูก แต่ถูกแค่ไหน

บางคนเขาไม่ได้คิดตรงนั้นไง เขาคิดว่าเห็นแก่ตัว พระเวสสันดรเห็นแก่ตัว ทำไมไม่สละตัวเอง ทำไมสละลูก เพราะเป็นเอกเทศไง แต่คิดในครอบครัวสิ พ่อแม่นี่รักลูก รักลูกใจจะขาด แล้วไม่ทำลายพ่อแม่นะ ขอลูกไปแล้วตีต่อหน้า ตีต่อหน้าเจ็บปวดขนาดไหนนี่ คิดดูสิ รักนะ รักแสนรัก ลูกเรานี่เราแสนรัก แล้วเขาขอไปแล้วเขาตีต่อหน้า เพื่อให้ใจมันเจ็บปวดไง นี่กิเลสอยู่ที่ใจ

นี่คนไม่คิดอย่างนั้น คิดว่าพระเวสสันดรเห็นแก่ตัว มีคนพูดบ่อย เราจะบอกว่าให้สอนอย่างนี้สิ ให้เรามีครอบครัวนะ แล้วเรารักแสนรักเลย แล้วเขาเอาของเราไป ไม่ใช่ทะเลาะกันแล้วเลิกกันนี่ รักแสนรักแล้วพรากออกจากไป ใจนี้ไหวหมดเลย ใจนี่ขนาดไหน แล้วต้องอดไว้ไง อดไว้เพราะอะไร เพราะว่าจะเอาโพธิญาณ เจ็บปวดมาก เจ็บปวดกว่าทำตัวเอง ทำเราดีกว่า ลูกเราเจ็บนี่แม่ขอเจ็บแทน พ่อขอเจ็บแทน ทุกคน

แต่นี่ไม่ได้ นี่ขอไปแล้วตีต่อหน้า เจ็บปวดที่สุดเพราะไม่ทำเรา ทำคนข้างๆ เรา คนที่เรารัก คือทำหัวใจไง ทำลายหัวใจ ชาติสุดท้ายพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องเป็นแบบนั้น หัวใจทั้งขั้วเลยไหวหมดเลยล่ะ แต่ต้องสงบด้วยเห็นไหม เพราะว่าในตำราว่า พระเวสสันดรมีอารมณ์โกรธไง ชักพระขรรค์เลย แต่มีสติได้รีบเอากลับ พอพระขรรค์ออกมานะ ชูชกหัวขาด

นี่อันนี้ทำให้แบบว่าการภาวนาช้าไปนิดหนึ่ง แต่ถ้าสงบหมดนะ โอ้โฮ ภาวนา เพราะพระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสแบบง่ายๆ เลย แต่พระสมณโคดมเรานี่ ๖ ปี ทุกข์มากๆ ทุกข์สุดๆ เพราะนี่แค่นี้ นี่อู้มันขนาดนั้น เพราะว่ามันไม่เรียบไง ถ้าแบบว่าตีต่อหน้าแล้วกดได้ อันนั้นมันเป็นขันติบารมี บารมีสุดๆ เลย บารมี ๑๐ ทัศ

ถ้าพูดอย่างนี้เด็กมันจะเข้าใจ เพราะวัยรุ่นมันกำลังรักกันไง ขนาดมันรักกันแล้วมันพลาดจากกันมันยังฆ่ากันเลย ทำกันทำเราเถิด แต่เขาไม่สอนกันแบบนั้น เขาไปสอนมาว่าทำไมไม่ทำลายตัว ทำไมไปทำลายคนอื่น เขาสอนว่าเห็นแก่ตัวไง

ไม่ใช่ ไม่ใช่เห็นแก่ตัว ไม่ใช่หรอก มันลึกกว่านั้น ๒ ชั้น ๓ ชั้น ลึกกันกว่าธรรมดาที่สละกันธรรมดา เพราะมันสละ ทำไมแม่เอ็งติดลูกขนาดนั้น เพราะมันผูกพันมาก มันสะเทือนถึงขั้วหัวใจเลย เพราะรักสุดๆ แล้วมีคนมาดึงต่อหน้า แล้วไม่ธรรมดาเพราะอะไร เพราะเป็นกษัตริย์ เรียนวิชามาหมดนะ ขยับหน่อยพวกนั้นตายหมด เพราะอะไร เพราะฐานะเขาต่ำกว่าเรา แต่เขามาขอเราไปแล้วเขาทำลายเราต่อหน้า หยามทั้งเกียรติ หยามทุกๆ อย่าง หยามหมดเลย ทนเอา เพราะต้องการโพธิญาณ